สถิติ
เปิดเมื่อ22/05/2012
อัพเดท14/08/2012
ผู้เข้าชม13269
แสดงหน้า13810
ปฎิทิน
April 2024
Sun Mon Tue Wed Thu Fri Sat
 
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
    




บทความ

ร้อยเรื่องของสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่า งู
“งู
 
 


ตามความเชื่อของชาวไทยโบราณ เชื่อกันว่า ถ้ามีงูเลื้อยเข้าบ้านถือว่าเป็นลางไม่ดี มีกจะมีคนในบ้านเจ็บป่วย หรือเสียชีวิตตามมา
เรื่องของสัตว์ป่านั้น ตามธรรมชาติแล้วสัตว์ป่าก็ควรที่จะอยู่ตามป่าตามเขาจึง จะถูกต้อง แต่หากเมื่อใดสัตว์เหล่านี้เป็นต้นว่า งูต่างๆ ชนิด หรือแม้กระทั่งเต่า คำโบราณ ถือนักว่า ผิดธรรมชาติและหากจะให้สัตว์จำพวกนี้อยู่ในบ้านก็คงอยู่ไม่ได้ ถือว่านำความ อัปมงคลมาสู่ครัวเรือน ท่านให้แก้เคล็ดด้วยการ จุดธูปเทียน ดอกไม้บอกเล่าและเชิญให้ ออกจากบ้าน พร้อมกับขอพรให้นำพาสิ่งดีงามมาให้ แต่ทั้งนี้ก็ห้ามตีหรือฆ่างูเด็ดขาด เพราะยิ่งจะทำให้เคราะห์ร้ายที่จะต้องพบนั้นหนักขึ้นไปอีกให้ไล่งูนั้นออกไปให้พ้นก็พอ แล้วควรไปทำบุญตักบาตร สะเดาะเคราะห์จะช่วยแก้ไขได้
สัตว์ป่าที่เข้าบ้านนี้ ตามคำโบราณยังถือรายละเอียดอีกมากมายเกี่ยวกับว่า มา ทิศใดจะนำอะไรมาให้ ยกเว้น หากเป็นทางทิศตะวันตกและทิศเหนือจะได้รับโชคลาภ แต่ก็นั่นแหละตอนที่สัตว์ป่าเหล่านี้คลานมาคงไม่มีใครรู้ มาทางใดมารู้อีกทีก็อยู่ในบ้านเสียแล้ว ดังนั้นทางที่ดีก็อย่ามาเลยดีกว่า
 
ความรู้เกี่ยวกับงู
จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
 
งู (อังกฤษ: Snake, Serpent) เป็นสัตว์เลื้อยคลานอันดับหนึ่ง ไม่มีขา ไม่มีเปลือกตา มีเกล็ดปกคลุมผิวหนังทั่วทั้งลำตัว ลักษณะลำตัวยาวซึ่งโดยขนาดของความยาวนั้น จะขึ้นอยู่กับชนิดของงู ปราดเปรียวและว่องไวในการเคลื่อนที่ มีลิ้นสองแฉกเพื่อใช้สำหรับรับความรู้สึกทางกลิ่น จัดอยู่ในชั้น Reptilia, ตระกูล Squamata, ตระกูลย่อยSerpentes โดยทั่วไปแล้วงูจะกลัวและไม่กัด นอกเสียจากถูกรบกวนหรือบุกรุก จะเลื้อยหลบหนีเมื่อมีสิ่งใดเข้ามาใกล้บริเวณที่อยู่ ออกล่าเหยื่อเมื่อรู้สึกหิว โดยกินสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมขนาดเล็กเป็นอาหาร ยกเว้นงูบางชนิดที่กินงูด้วยกันเอง เช่นงูจงอาง สามารถมองเห็นได้ดีในที่มืดและในเวลากลางคืน
โดยทั่วไปจะออกลูกเป็นไข่ ยกเว้นแต่งูที่มีพิษซึ่งมีผลโดยตรงทางด้านโลหิต (วงศ์งูหางกระดิ่ง((Viperidae)) ซึ่งจะออกลูกเป็นตัว เช่นงูแมวเซา ธรรมชาติโดยทั่วไป งูจะลอกคราบเมื่อมันเริ่มโตขึ้น ทำให้ผิวหนังของงูเริ่มแข็งและคับขึ้น ซึ่งงูจะลอกคราบบ่อยครั้งเมื่องูยังมีอายุไม่มากนัก ซึ่งภายหลังจากการลอกคราบของงู จะทำให้ผิวหนังเก่าหลุดออก แต่เซลล์สีที่ทำให้งูมีสีสันยังคงอยู่ในตัวงู ทำให้เกล็ดที่ปกคลุมผิวหนัง มีสีสันสดใสรวมทั้งทำให้เคลื่อนไหวร่างกายได้อย่างรวดเร็ว
ปัจจุบัน มีงูถูกค้นพบแล้วประมาณ 2,700 ชนิด แต่เป็นงูไม่มีพิษประมาณ 2,300 ชนิด
สำหรับในประเทศไทยมีงูจำนวนมากตามสภาพภูมิอากาศ ซึ่งมีผลกระทบโดยตรงต่อการดำรงชีวิต ทั่วทุกภูมิภาพของประเทศไทยสามารถพบเห็นงูได้มากกว่า 180 ชนิด โดยเป็นงูที่มีพิษจำนวน 46 ชนิด และสามารถจำแนกงูที่มีพิษออกได้อีก 2 ประเภทคือ
1. งูที่มีพิษ โดยอาศัยอยู่บนบก จำนวน 24 ชนิด
2. งูที่มีพิษ โดยอาศัยอยู่ในทะเล จำนวน 22 ชนิด
ซึ่งโดยรวมแล้วงูที่มีพิษนั้น ได้ถูกแบ่งออกเป็น 2 ประเภทคือ งูที่มีพิษต่อระบบประสาทและงูที่มีพิษต่อระบบโลหิต
 
ประเภท
 
ปัจจุบันได้มีการอนุกรมวิธานงูออกเป็นวงศ์ทั้งหมด 18 วงศ์ 443 สกุล ประมาณ 2,700 ชนิด อยู่ในอันดับฐานหรืออันดับย่อย 2 อันดับ ซึ่งจำนวนชนิดนั้นยังไม่แน่ไม่นอน เนื่องจากมีการค้นพบชนิดใหม่ ๆ เพิ่มขึ้นทุกปี งูมีขนาดแตกต่างหลากหลายออกกันไปตั้งแต่ยาวเพียงไม่กี่เซนติเมตรดูแลคล้ายไส้ดินสอดำหรือไส้เดือนดิน จนถึงยาวกว่า10 เมตร น้ำหนักนับ 100 กิโลกรัม
 
วิวัฒนาการ
 Photo
งูเป็นสัตว์เลื้อยคลานที่มีวิวัฒนาการมาจากสัตว์สะเทินน้ำสะเทินบก โดยส่วนใหญ่จะใช้ชีวิตอยู่ภายในน้ำ อาศัยชีวิตบนบกบ้างในช่วงระยะเวลาหนึ่ง มีความสัมพันธ์ทางด้านสายของการวิวัฒนาการร่วมกับสัตว์เลื้อยคลานชนิดอื่น ๆ ที่จัดอยู่ในชั้น Reptilia ที่แบ่งออกเป็น 4 ลำดับ ดังนี้
1. ลำดับ Testudines
สัตว์เลื้อยคลานในลำดับนี้ได้แก่ เต่าชนิดต่าง ๆ (Turtles และ Tortoises)
2. ลำดับ Crocodylia
สัตว์เลื้อยคลานในลำดับนี้ได้แก่ จระเข้ (Crocodiles, Alligators และ Gavial)
3. ลำดับ Rhynchocephalia
สัตว์เลื้อยคลานในลำดับนี้ได้แก่ ตัว Tuatara ของนิวซีแลนด์
4. ลำดับ Squamata
สามารถแบ่งลำดับของสัตว์เลื้อยคลานใน ลำดับ Squamata ได้ 3 อันดับย่อยด้วยกัน ดังนี้
4.1 อันดับย่อย Lacertilia ได้แก่สัตว์เลื้อยคลานประเภทจิ้งจก (Lizards) ซึ่งมีจำนวนมาก ประมาณ 3,000 ชนิด
4.2 อันดับย่อย Amphisbaenia มีจำนวนประมาณ 130 ชนิด
4.3 อันดับย่อย Serpentes ได้แก่สัตว์เลื้อยคลานประเภทงู (Snakes) ซึ่งมีจำนวนมาก ประมาณ 2,700 ชนิด
 
ลักษณะทั่วไป



ลักษณะภายนอกของงูโดยทั่วไป มีอวัยวะประกอบด้วย
1. ลำตัว งูมีลำตัวที่คล้ายหลอดกลมยาว ไม่มีแขน ขา หรือใบหู ลำตัวมีเกล็ดปกคลุมโดยตลอด
2. ตา งูไม่มีเปลือกตาที่สามารถกระพริบได้เช่นตาคน ดังนั้นจึงดูเสมือนว่ามันไม่เคยนอน แต่จริงๆ แล้วงูนอน ในเวลาที่มันนอน รูตาดำ (pupil) ในตาของมันจะหดตัว พร้อมกันนั้นกล้ามเนื้อที่ควบคุมตาจะหย่อน ทำให้ตางูดูเสมือนว่าพลิกคว่ำ บางชนิดมีสายตาไม่ดี
3. ปาก กล้ามเนื้อในปากสามารถยืด-ขยายได้ ทำให้สามารถอ้าปากได้กว้างกว่าขนาดหัวของมันได้หลายเท่าตัว
4. ลิ้น งูสามารถแลบลิ้นออกมาจากปากที่ปิดสนิทได้ ซึ่งงูมีลิ้น 2 แฉก เพื่อใช้แสวงหาทิศทางของกลิ่นต่าง ๆ
5. หาง หางของงูมีลักษณะที่ลดหลั่นขนาดลงมาจากลำตัว มีลักษณะเล็กกลมยาว ปลายแหลม
 
ระบบภายใน



-คลิกดูรูปใหญ่-


อวัยวะของงูส่วนใหญ่จะอยู่ในซี่โครงยาว ๆ ทั้งระบบการหายใจ การไหลเวียนของโลหิต การย่อยอาหาร การขับถ่าย และการสืบพันธุ์



โครงสร้างภายใน


อวัยวะต่าง ๆ ภายในร่างกายของงู






1.หลอดอาหาร 2.หลอดลม 3.ปอดข้างขวา-ข้างซ้าย 4.ปอดข้างซ้าย 5.ปอดข้างขวา 6.หัวใจ 7.ตับ 8.กระเพาะอาหาร 9.ถุงลม 10.ถุงน้ำดี 11.ตับอ่อน 12.ม้าม 13.ลำไส้ 14.ลูกอัณฑะ 15.ไต
 
โครงสร้างของกระดูก




ประกอบไปด้วยกระโหลกศรีษะ กระดูกสันหลัง ซี่โครง กระดูกเชิงกราน ข้อกระดูกสันหลังที่มากช่วยทำให้งู โค้ง หรืองอตัวได้ดี และมีความแข็งแรงสูงทำให้งูสามารถออกแรงบังคับกล้ามเนื้อบีบรัด โครงกระดูกสันหลังจะไม่เชื่อมต่อกับช่องท้อง มันจึงขยายตัวได้ง่ายเมื่อกินเหยื่อขนาดใหญ่
 
ระบบหายใจ
งู หายใจเข้าและออก โดยผ่านปาก และหลอดลม เชื่อมกับปอดที่อยู่ด้านขวาข้างเดียว ยกเว้น พวก Boa และPython ที่มีปอดซ้ายด้วย ช่วยในการหายใจ โดยปกติงูจะมีปอดขวาที่ใหญ่ โดยเฉพาะพวกงูน้ำ จะมีปอดข้างขวาใหญ่เป็นพิเศษ ช่วยควบคุมการลอยตัวน้ำได้ แต่งูบางสายพันธุ์ที่มีปอดด้านซ้าย ที่เชื่อมต่อกับปอดขวาจะทำให้งูชนิดนั้น เก็บอากาศได้มากว่าปกติ เมื่อต้องขยอกเหยื่อที่มีขนาดใหญ่ ซึ่งไม่สามารถหายใจได้ในเวลานั้น ทำให้มันสามารถกั้นหายใจได้นาน
 
ระบบการไหลเวียนโลหิต
ระบบการไหลเวียนโลหิตของงูเหมือนกับสัตว์ทั่ว ๆ เว้นแต่หัวใจมันมี 3 ห้องแทนที่จะมี 4 ห้อง
 
ระบบการย่อยอาหาร
กระบวนการย่อยอาหารของงูเริ่มจากที่ปาก เมื่องูกินเหยื่อก็จะขับน้ำย่อยออกมา งูบางชนิดที่มีพิษ มันจะขับพิษออกมาฆ่าเหยื่อ ลำคอและหลอดอาหารของมัน มีกล้ามเนื้อพิเศษที่ช่วยขับดัน อาหารไปยังกระเพาะที่มีประสิทธิภาพในการย่อยอาหารได้ดี ลำไส้ของมันจะมีขนาดใหญ่เป็นคด ๆ อาหารที่ไม่ย่อยจะถูกขับออกมาทางทวาร
ระบบขับเหงื่อ
งูไม่มีกระเพาะปัสสวะ ดังนั้นชองเสียจึงถูกกรองผ่านไต และขับกรดปัสสวะออกมา โดยเก็บน้ำใช้ไตกรองน้ำ เพื่อเก็บรักษาความชุ่มชื้นไว้ได้
 
ระบบสืบพันธุ์
อวัยวะเพศของงูตัวผู้ ตัวผู้จะมีอวัยวะเพศยื่นออกมาจากลำตัว 2 แต่จะใช้ผสมพันธุ์ครั้งละ 1 อัน
งูมีการผสมพันธุ์เหมือนกับสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม และสัตว์เลื้อยคลานอื่น ๆ ที่ใช้การผสมพันธุ์ภายในร่างกาย ตัวผู้จะมีอวัยวะสืบพันธุ์ 1 คู่ มีลักษระยาวเรียว แต่ในเวลาผสมพันธุ์ จะใช้เพียงอันเดียว โดยปล่อยสเปิร์มจากถุงอัณฑะผ่านท่อปัสสวะไปยังรังไข่ของตัวเมีย
 
ระบบประสาท
ระบบประสาทของสมองและกระดูกสันหลัง จะเชื่อมต่อกันยาวเป็นเครือข่ายตลอดแนวสันหลัง ทั้งยังควบคุมJacobson's Organ ในบางสายพันธุ์มีระบบความคุมความร้อนไวต่อความรู้สึก ความร้อน และแสงสว่าง ทำให้เกิดปฏิกิริยากับระบบประสาท
 
การเลื้อย




โดยปกติงูมีลักษณะการเลื้อย 4 แบบซึ่งปัจจัยสำคัญมากจาก ภูมิประเทศ สิ่งแวดล้อมและการดำรงชีวิตทำให้มันมีลักษณะการเลื้อยที่ต่างกัน ดังนี้
1. เลื้อยแบบลำตัวตรง ส่วนใหญ่จะพบในจำพวกงูใหญ่ เคลื่อนไหวช้า โดยมันจะใช้กล้ามเนื้อท้อง ดึงตัวเป็นลักษระลูกคลื่น
2. เลื้อยแบบคดเคี้ยว การเลื้อยแบบนี้เป็นการเลื้อย โดยปกติของงูทั่ว ๆ ไปบนพื้นหินหรือพื้น ที่ไม่สม่ำเสมอ
3. เลื้อยแบบถีบตัว การเลื้อยแบบนี้จะเลื้อยบนพื้นที่ม ีลักษณะแน่น ใช้การขดตัวและถีบตัว ไปข้างหน้า
4. การเลื้อยแบบแถก การเลื้อยแบบนี้จะเลื้อยบนพื้นทรายที่ หลวม ๆ และพื้นดินที่นุ่ม ๆ ใช้การโหย่งตัวขึ้นพ้นพื้น และดันตัวไปด้านข้าง
 
การหาอาหาร



อาหารสำหรับงูนั้นมีมากมายหลายประเภท ส่วนใหญ่จะเป็นสัตว์ที่ตัวเล็กว่าเช่น ลูกไก่, จิ้งจก, หนู, กระต่าย,ไก่ป่า, เก้ง, หรือสัตว์ขนาดใหญ่ เช่น หมู หรือกวาง หรือแม้แต่งูด้วยกันเอง ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับสายพันธุ์ของงูด้วย
 
การจู่โจม
 
 

1. การขู่
งูจะขู่สิ่งมีชีวิตที่เข้ามาใกล้มัน หรือรู้สึกว่าไม่ปลอดภัย โดยแต่ละชนิดมีวิธีการขู่ที่ไม่เหมือนกัน เช่น การชูคอแผ่แม่เบี้ยของงูจงอาง ฯลฯ
2. การต่อสู้
เวลาจะต่อสู้ มันจะฉกโดยการยื่นหัวไปด้านหลังแล้วยื่นคอมาทางด้านหน้าแบบแรงๆ แล้วกัดโดยใช้เขี้ยวเจาะไปหาส่วนเนื้อหนัง แล้วปล่อยพิษออกไปหาเหยื่อ พิษมันจะอยู่ที่ฟันเขี้ยว ถ้าถึงเวลากัด พิษก็ออกจากฟันแล้วเข้ารูที่ถูกเจาะ
 
การผสมพันธุ์
การดำเนินชีวิตของงูส่วนมาก จะอยู่ตัวเดียว แต่เมื่อต้องการผสมพันธุ์ ก็จะมารวมกลุ่มกัน ซึ่งจะเป็นการเพิ่มโอกาส ในการผสมพันธุ์สำเร็จ งูจะมีความพิเศษ ในการเลื่อนเวลา ที่จะผสมพันธุ์ออกไปได้ งูตัวเมียสามารเก็บ สเปิร์มของตัวผู้ รอจนกระทั่งอยู่ในสภาพแวดล้อม ที่เหมาะกับการเจริญเติบโตของลูก ๆ ซึ่งจะหลังจากฤดูใบไม้ผลิ ก็จะใช้วิธีวางไข่ และก็มีบางสายพันธุ์ที่ฟักไข่ในตัว และออกลูก แม้ว่าบางสายพันธุ์ งูจะผสมพันธุ์หลายเวลา เมื่อผสมพันธุ์กับตัวเมีย ที่เป็นคู่เสร็จแล้วก็จะแยกออกไป ผสมกับตัวอื่นได้อีก งูตัวเมียก็จะไป ผสมพันธุ์กับตัวผู้อื่นอีกเช่นกัน และหลายครั้งเมื่อออกลูก ลูกก็จะไม่เหมือนพ่อ
ในช่วงฤดูผสมพันธุ์ งูก็จะออกหาคู่ตามทาง แต่บางสายพันธุ์ ที่จำศีลร่วมกันเป็นร้อยอยู่ในถ้ำ พวกมันก็จะผสมพันธุ์กัน ก่อนฤดูใบไม้ผลิ และพวกมันก็จะออกจาก จำศีลก่อนสิ้นฤดูหนาว และแยกย้ายจากกันไป บางสายพันธุ์เช่น แมมบ้า และ งูหางกระดิ่ง ตัวผู้ต้องต่อสู้ เพื่อแย่งชิงการผสมพันธุ์กับตัวเมีย ตัวผู้กับตัวผู้ก็จะพันรอบตัวเมีย พยายามที่จะ ผสมพันธุ์กับตัวเมีย การเคลื่อนไหวของพวกมันก็จะเป็น ไปด้วยทางทางที่นุ่มนวล แต่ก็จะมีตัวหนึ่งได้ผสมพันธุ์กับตัวเมียก่อน อีกตัวก็จะขดเป็นวงกลมรอเงียบ ๆ อยู่ใกล้ ๆ เพื่อรอที่จะผสมพันธุ์ต่อ ความอุดมสมบูรณ์ เป็นปัจจัยที่สำคัญ ในการดำรงชีวิตของงู พวกมันจะผสมพันธุ์กันปีละหนึ่งครั้ง เมื่อผสมพันธุ์แล้ว เสปิร์มก็จะอยู่ในตัวเมีย และก็รอเวลาที่จะผสมและวางไข่ ในช่วงเวลาที่มีความอุดมสมบูรณ์ของสิ่งแวดล้อม The Ridge-nosed Rattlesnake Crotalus willardi จะผสมพันธุ์ในช่วงฤดูร้อน แต่ไข่จะยังไม่พัฒนาจนกว่าจะฤดูใบไม้ผลิ
 
แหล่งที่พบ
ภายในประเทศไทยและอินโด-มลายูมีงูอยู่จำนวนมากกว่า 100 ชนิด เช่นงูหลาม งูเหลือม (Pythonidae) ซึ่งเป็นงูที่มีขนาดใหญ่ สามารถเจริญเติบโตจนมีความยาวได้ถึง 10 เมตร ซึ่งงูชนิดนี้เป็นงูที่คล้ายคลึงกับ งูอนาคอนดา ซึ่งเป็นงูที่อยู่ในวงศ์ Boidae ซึ่งเป็นงูที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก
งูมีจำนวนมากมายหลากหลายชนิด โดยปกติงูจะมีอยู่ชุกชุม สามารถพบเห็นได้ทั่วไปเกือบทั่วทั้งประเทศไทย นอกจากพื้นที่ทางตอนเหนือของประเทศไทย ซึ่งจำนวนประชากรของงูลดน้อยลงเป็นอย่างมาก ซึ่งชนิดของงูนั้นขึ้นอยู่กับสภาพอากาศและสภาพทางภูมิศาสตร์ของประเทศไทยด้วย เช่นพื้นที่ป่าไม้และพื้นที่รกชื้น
งูในปัจจุบันพบได้ทุกส่วนของทุกมุมโลก ไม่เว้นแต่กระทั้งในชุมชนเมืองใหญ่หรือบ้านเรือนของมนุษย์ ยกเว้นในเขตขั้วโลกที่มีอากาศหนาวเหน็บ ทั้ง ขั้วโลกเหนือและขั้วโลกใต้
 
'ความเชื่อเกี่ยวกับงู'
 
 


 
ความเชื่อเกี่ยวกับงูของคนล้านนา
1. เมื่อมีงูเข้าบ้านจะเกิดสิ่งที่ไม่เป็นมลคลที่เรียกว่า 'ตกขึด' ต้องทำพิธีถอนขึดเป็นการใหญ่
2. ถ้างูเลื้อยข้ามเครือเถาของพืช เช่น แตงกวา เป็นต้น ผลผลิตของพืชนั้นจะมีรสขม
3. หากต้องการสังเกตดูว่า งูนั้นเป็นงูที่มีพิษหรือไม่มีพิษ ให้ดูได้จากการเลื้อย ถ้างูที่มีพิษจะเลื้อยช้าโดยไม่เกรงกลัวอะไร เพราะถือว่าตัวเองมีพิษ แต่ถ้าเป็นงูที่ไม่มีพิษจะเลื้อยเร็วว่องไว
 
งู ในคติของ ชาวตะวันออกกลางโบราณและอารยธรรมอีเจียนโบราณ
เชื่อว่างูนั้นเป็นเทพเจ้าแห่งความรู้ และอาจรวมไปถึงสัญลักษณ์ของแผ่นดินโลกเองด้วย
งูคติของชาวอียิปต์นั้น งูเป็นตัวแทนของ Apep เป็นศัตรูคู่แค้นของ Ra หรือพระอาทิตย์ ซึ่งจะต่อสู้กันทุกวัน ที่มีกลางคืนเพราะว่า Ra ต้องลงไปรบกับ Apep ทุกวันนั่นเองส่วนใหญ่ Apep จะแพ้ และจะถูกสับเป็นพันท่อนๆแล้วถูกโยนทิ้งไปยังอเวจี แต่รุ่งขึ้นก็จะโผล่มากัดกันใหม่ แต่เมื่อใดที่เกิดสุริยุปราคานั้น ชาวอิยิปต์เชื่อว่าตอนนั้น Raเสียท่าแก่ Apep เลยโดยกลืนกินไป ชาวอียิปต์เลยต้องออกมาสวดมนต์และตะโกนเอะอะกันใหญ่เพื่อให้ Apepตกใจและปล่อยพระอาทิตย์ออกมา (เชื่อเหมือนคนไทยเลย)
   แต่ในคติอียิปต์เองก็มีเทพเจ้างู Buto อีกองค์หนึ่งซึ่งเชื่อกันว่าเป็นผู้พิทักษ์แห่งองค์ฟาโรห์ด้วย
ในคติของชาวฟิจิและชาวโพลินีเซียก็มีการนับถืองู Ratu-mai-bula ว่าเป็นเทพเจ้าผู้ครอบครองโลกบาดาลอีกด้วย (อันนี้หารูปไม่ได้แหะ ไม่รู้หน้าตา)
ในตำนานกรีกนั้นก็มีการกล่าวถึงงูร้อยหัว Ladon ซึ่งเป็นผู้เฝ้าสวนผลไม้ทองคำของ Hesperides ซึ่งตั้งอยู่ทางตะวันตกสุดของโลกด้วย
ส่วนในคติของชาวพุทธนั้นก็คือพญานาคนั่นเอง ซึ่งตำนานพญานาคนั้นนี่เขียนหนังสทอได้เป็นเล่มเลย ข้ามไปละกัน เราๆท่านๆคงรู้จักกันดี
ส่วนตามคติของชาวคริสต์นั้น งูจะโผล่มาหลักๆสองตอนก็คือในตอนที่ซาตานแปลงเป็นงูมาหลอกให้อีฟกินผลไม้แห่งปัญญา กับตอนนี้โมเสสใช้ปาฏิหารย์เปลี่ยนไม้เท้าเป็นงูต่อหน้าฟาโรห์อิยิปต์
ในตำนานสัตว์ประหลาดของยุโรปในช่วงยุคกลาง ก็มีการกล่าวถึงตัว บาซิลิสก์ ซึ่งเจ้าแห่งอสรพิษ
- ส่วนในตำนานยุโรปเหนือก็จะมี Jormungandr บุตรของเทพโลกิ ซึ่งเป็นพญาอสรพิษที่ร้ายกาจที่สุด และในสงคราม Ragnarok
- ในศาสนา Yoruba ของชาวแอฟริกา ก็มีการบูชา Oshumare หรืองูสีรุ้งซึ่งเป็นตัวแทนของการเกิดใหม่ (อันนี้หารูปไม่เจอ - -)
ส่วนในความเชื่อของชาวแอซเท็ค-มายา ก็จะมีการบูชางู Quetzalcoatl ซึ่งเป็นงูมีขนแบบนก(อ่านไงหว่า) ซึ่งถือว่าเป็นตัวแทนของอรุณรุ่ง
 
 
ฝันถึงงู
 

 
'งู' ในหลายๆ วัฒนธรรมหมายถึง กามารมณ์ 'ซิกมุนด์ ฟรอยด์' ให้ความหมายว่าเป็นอวัยวะเพศชาย บางวัฒนธรรมหมายถึงปัญญาแบบเซียนหรือหมายถึงเทพเจ้า แต่พี่ไทยบ้านเราฟันธงมาตลอดว่า ฝันถึงงูรัดจะเจอเนื้อคู่แน่นอน
แต่การฝันถึงงูที่เป็นการบอกเหตุล่วงหน้าว่าคุณจะเจอคู่แน่นอนนั้น
ต้องมีลักษณะเฉพาะตรงตามนี้
1. ต้องเป็นงูรัด หรืองูไล่เพื่อจะมารัดเท่านั้น
ถ้างูนอนอยู่เฉยๆ นิ่งๆ โดยเฉพาะนอนในบ้านคุณหรือกลางป่าเขาลำเนาไพร จะหมายถึงเจ้าที่เจ้าทาง ไม่ใช่เนื้อคู่ ลืมไปได้เลย เช่น หากฝันเห็นงูใหญ่นอนใต้บ้าน เช่น ใต้ดิน ใต้ถุน ใต้พื้นบ้าน ฯลฯ ใต้บ้านเป็นสัญลักษณ์ของระดับ subconscious หรือจิตใต้สำนึก แสดงว่าเจ้าที่เจ้าทางที่มีภูมิปัญญาประจำบ้านคุณ มาบอกให้ขุดค้นพลังจิตใต้สำนึกออกมาใช้ค่ะ ไม่ใช่หมายถึงว่าจะเจอคู่
ถ้างูกัด จะไม่หมายถึงเนื้อคู่โดยตรง แต่หมายถึงการมีเรื่องกวนใจ มีปากเสียง งูนั้นต้องมีการสัมผัสร่างกายคุณเท่านั้น เช่น รัดรอบคุณ พันมือ หรือแข้งขาก็ได้ ถ้าไม่สัมผัสถูกเลยก็ไม่ใช่คู่
 
2. ขนาดของงู
 ถ้างูตัวเล็ก จะไม่หมายถึงคู่ โดยเฉพาะถ้าตัวเล็กและมาเป็นฝูง หมายความว่าอาจจะมีปัญหากับเพื่อนร่วมงาน หรือถ้าขนาดงูยิ่งใหญ่ จะหมายถึงความสัมพันธ์ที่เข้มข้นขึ้นตามขนาดงู และถ้างูสวยงาม หรือเป็นงูใหญ่มีฤทธิ์ เช่น พญานาค จะหมายถึงระดับฐานะทางสังคมและชื่อเสียงของคนที่จะเจอ
 
3. สีของงู จะบอกสภาพอารมณ์ของความสัมพันธ์
สีแดง หมายถึงรักอันร้อนแรงแบบ sexual
สีเหลืองนวลถึงเผือก หมายถึงความรักแบบกัลยาณมิตร เอื้ออาทร เป็นรักแบบ spiritual
สีดำ คือรักแบบคาดหวังและเต็มไปด้วยอารมณ์โกรธ หึง งอน แบบมนุษย์ earthy
สีเขียวอ่อน หมายถึงสดชื่น เป็นธรรมชาติ
สีเหลื่อมเลื่อมพิเศษ เช่น สีเขียวมรกต สีทองอร่าม สีเงินประกาย จะหมายถึงระดับฐานะของคู่มากกว่ารูปแบบความสัมพันธ์ เป็นต้น
 
4. ลักษณะการที่งูเข้ามาหาคุณ บอกสภาพการที่คู่เข้ามาในชีวิต
เข้ามาจู่โจมอย่างรวดเร็ว = เขาเข้ามาแบบรวดเร็วปุบปับ ไม่ตั้งตัว
ค่อยๆ เลื้อยช้าๆ มาคลอเคลีย = ใช้เวลาในการสร้างความสัมพันธ์
งูไล่แล้วคุณหนีไม่คิดชีวิต = เขาเป็นฝ่ายรักหรือจู่โจมคุณก่อน
 
5. สภาพอารมณ์คุณตอนเจองู สำคัญมากๆ
โบราณว่า 'ยิ่งกลัวงูมากเท่าไร ความรู้สึกในความสัมพันธ์ยิ่งเข้มข้น'
 
6. คุณทำอย่างไรกับงู บอกว่าคุณพร้อมแค่ไหนที่จะมีคู่
ปฏิกิริยาคลาสสิกในการฝันว่างูรัดหรืองูไล่มาพันตัว คือ
- พยายามปัดหรือวิ่งหนี แต่ไม่พ้น งูตามมาจนได้ (เสร็จงู ว่างั้นเถอะ) = คุณจะได้คบเป็นแฟนกับคนนี้แน่นอน
- ทำร้ายงู หรือกระทั่งฟันงูขาด กระทืบๆ งูจนตาย = ไม่ว่าปากคุณจะบอกว่าอยากมีแฟนกับเขาซะทีแค่ไหน ในจิตใต้สำนึก จริงๆ คุณกลัวความรักมากๆ และความกลัวการมีคู่ กลัวมีความสัมพันธ์นี้มาแสดงออกในฝัน ยิ่งทำร้ายงูบอบช้ำรุนแรงเท่าไหร่ ยิ่งบอกความกลัวมากเท่านั้น (โถ งูผู้น่าสงสาร) เพราะฉะนั้นคุณอาจเจอคนถูกใจแต่เขาจะผ่านคุณไปในชีวิตจริง โดยที่คุณจะนึกว่า 'ฝันไม่แม่นเลย' แต่ที่จริงเป็นเพราะ subconscious คุณไม่พร้อมเปิดใจรับความสัมพันธ์ต่างหาก
- วิ่งหนีสุดชีวิต งูก็ไล่ไม่ลดละ จนสะดุ้งตื่น = subconscious บอกความไม่พร้อมที่จะมีแฟนของคุณ หรือบอกความกลัวที่คุณรู้สึกลึกๆ ว่าคนคนนี้ไม่เหมาะสมกับคุณ จึงแสดงออกในฝันว่าคุณหนีงูสุดๆ และถ้างูตามไม่ลดละ (มุ่งมั่นมาก) อาจไม่ได้หมายถึงว่าคู่ของคุณตามตื๊อคุณอย่างเดียว แต่หมายถึงว่าแม้จะไม่มีความสัมพันธ์กัน เขาก็จะยังคงยืนยันที่จะอยู่ในชีวิตคุณอีกนาน ไม่หายหัวไปง่ายๆ (แต่อาจเปลี่ยนรูปแบบไปคบกันอย่างอื่น เช่น เป็นพี่เป็นน้อง เป็นเพื่อน หรือทำธุรกิจด้วยกัน)
- สงบสุขท่ามกลางงูรัด แสดงว่าสำหรับคู่คนนี้คุณพร้อมให้เขาเข้ามาในชีวิตอยู่แล้ว และสภาพความสัมพันธ์ก็จะสบายๆ อบอุ่น ปลอดภัย แต่ไม่หวือหวานะ
 
ฝันว่า 'งูกัด'
โบราณเชื่อว่า ถ้างูกัดจะมีเคราะห์
โดยถ้ากัดต่ำ  หมายถึงกัดตั้งแต่ช่วงเอวลงมาจะเป็นเคราะห์เบา แต่ถ้ากัดสูง หมายถึง กัดตั่งแต่เอวขึ้นไปด้านบนจะเป็นเคราะห์หนัก โปรดระวัง!
 
 
เครดิต
 
http://elnas.exteen.com/20051006/entry-1
http://www.tlcthai.com/horo/horo-support/199.html
http://guru.google.co.th/guru/thread?tid=1422242883a32958
http://writer.dek-d.com/dek-d/writer/viewlongc.php?id=351820&chapter=162